“ทนายตั้ม” เปิดขบวนการเก็บส่วย 18 ธุรกิจ โยงบิ๊กตร.

วันนี้ (26 มี.ค.67) เมื่อเวลา 11.00 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน แถลงข่าวเปิดโปงขบวนการส่วยที่เกี่ยวพันกับบิ๊กตำรวจ โดยทนายษิทรา อ้างว่ามีตำรวจจำนวนหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บส่วย เช่น ดาบยาว มีหน้าที่รวบรวมส่วยขั้นตั้นทั้งหมดเพื่อนำส่งตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รองฟาง คนสนิทของ พล.อ.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายตำรวจรุ่น 61 ซึ่งเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ และยังเป็นรุ่นเดียวกับพ่อบ้านของ พล.อ.อ.สุรเชษฐ์ รอง ผบ.ตรและมีเส้นทางเงินที่เชื่อมโยงไปถึงญาติของ ผบ.ตร.ด้วย

นอกจากนี้ยังโชว์หลักฐานเส้นทางเงินที่มีการโอนเงินผ่านบัญชีม้า และหลักฐานการโอนเงินให้นายตำรวจ โดยดาบยาว  จะเป็นผู้ถือบัญชีม้า ทั้งนี้พบว่าบัญชีม้าบางบัญชีเจ้าของบัญชีเสียชีวิตแล้ว แต่ยังมีคนทำธุรกรรม

พร้อมกันนี้นำหลักฐานสลิปการโอนเงิน และแชตข้อความแอปลิเคชันไลน์ อ้างเป็นหลักฐานเปิดเผยถึงเส้นทางการเงินของบัญชีมาเครือข่ายเว็บการพนันออนไลน์ น.ส.พิมพ์วิไล ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่คนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ เชื่อมโยงไปถึงดาบตำรวจนายหนึ่ง อยู่ในสังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการสอบสวนกลาง หรือคอมมานโด และรองผู้กำกับในสังกัดกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 หรือตำรวจไซเบอร์ พร้อมทำแผนผังเส้นทางการเงินไปถึงบุคคลที่มีนามสกุลเดียวกันกับ ผบ.ตร. ถึง 3 คน

นายษิทธา เปิดเผยอีกว่ายังพบบัญชีม้า โอนเงินไปทำบุญสร้างวิหารที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี ยอดรวม 700,000 บาท โดยมีพบ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นประธานในพิธี

นายษิทรา ยังได้เปิดเผยภาพนิ่งจากวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ช่วงเดือน พ.ย.2566 ที่ผ่านมา ปรากฏหลักฐานว่ามีบุคคลที่ทนายตั้มอ้างว่าเป็น 1 ในบัญชีม้า และดาบตำรวจ ไปกดเงินในตู้เอทีเอ็ม โดยรถที่ดาบตำรวจขับไปมีชื่อผู้ครอบครองของบุคคลที่เป็นบิดาของรองผู้กำกับตำรวจไซเบอร์ และปรากฏหลักฐานการทำธุรกรรมถอนเงินในวันที่ 26 พ.ย.เป็นเงินกว่า 2,274,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีรายชื่อของตำรวจอีกหลายนาย เข้าไปพัวพันกับเส้นทางการเงินของบัญชีม้าเครือข่ายเว็บการพนัน น.ส.พิมพ์วิไล ซึ่งจะนำหลักฐานทั้งหมดส่งไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ขยายผลดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

นอกจากนี้ ข้อมูลที่แถลงยังระบุถึง 2 กองบังคับการและหนึ่งกองบัญชาการ ได้ออกตั๋วที่มีการเก็บยอดตั๋วจากหลายธุรกิจ ส่งหน่วยงานต่าง ๆ  โดยธุรกิจที่มีการเก็บส่วย ประกอบด้วย

-เว็บพนัน
-บ่อนการพนัน (ไฟ,ไฮโล,ตีไก่)
-เงินกู้ไทย-แขก
-หวยใต้ดิน
-สถานบันเทิง สถานบริการ ผับ
-ร้านนวดแฝงขายบริการ
-อาบ อบ นวด
-โรงซาวน่า
-ร้านเหล้าที่มี PR
-บุหรี่ไฟฟ้า
-บุหรี่หนีภาษี
-ตลาดนัด เลียบด่วน ตลาดนัด ตลาดไท
-สถานประกอบการที่มีแรงงานต่างด้าวทำงานที่แอบเพิ่มแรงงานที่ไม่มีบัตร
-จุดคอกรับซื้อน้ำมันเถื่อน โคมแดงข้างทาง
-น้ำมันเขียวที่รัฐช่วยชาวประมง แต่จะมีเจ้าใหญ่ๆ ไม่กี่เจ้าที่ทำเป็นยี่ปั๊ว
-โต๊ะสนุ๊กเกอร์
-หัวหน้าแขกที่เอาแขกมาขายถั่วโรตี
-คนขายยา sex และมีเพศสัมพันธ์ไลฟ์สดเพื่อขายยา sex

ส่วยธุรกิจทั้ง 18 รายการ อ้างว่ามีทีมทำงาน แต่ละภาคดูแล ทั้ง 5 ภาค ทีมภาคเหนือ  ทีมภาคอีสาน  ทีมภาคกลาง  ทีมภาคใต้ และ ทีมภาคตะวันออก ซึ่งทีมงานที่สามารถทำยอดหรือผลงานได้มากที่สุด คือทีมภาคตะวันออก ที่มีตำรวจภาค 2 และตำรวจนครบาล 1 กับ 4 และ ปทุมธานี โดยมีหัวหน้าทีม คือ จ่ากอล์ฟ

ซึ่งการเก็บเป็นรายเดือน ค่าตั๋วจะขึ้นอยู่กับความสำคัญของหน่วย ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีทีมที่ดูแล ซึ่งหัวหน้าทีมจะมีทั้งที่เป็นนายตำรวจและบุคคลที่ไม่ใช่ตำรวจ และจะมีส่งยอดทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน ที่ตึก สอท.

นอกจากนี้ ทนายตั้ม ได้มีการต่อสายถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และนัดหมายเพื่อนำเอกสารต่างๆ ไปยื่นเพื่อให้มีการตรวจสอบ ในวันที่ วันที่ 28 มี.ค.นี้ เวลา 11.00 น.

ทั้งนี้ทนายตั้ม เปิดเผยว่า ก่อนที่ออกมาแถลงข่าว และเปิดเผยเส้นทางเงินของบัญชีม้าที่มีการโยงไปถึงตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในครั้งนี้ ได้มีการปรึกษาครอบครัวแล้ว เพราะรู้ถึงผลที่จะตามมา ทั้งนี้ตนเองยอมเจ็บ เพื่อให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง พร้อมยืนยันการออกมาครั้งนี้ไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง และไม่มีคนว่าจ้างแต่อย่างใด และยืนยันไม่ได้เป็นการช่วย พล.อ.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ซึ่งเจ้าตัวได้มีการห้ามแล้ว แต่ตนเองยืนยันที่จะออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว