“เสี่ยเจษ” ยอมรับผิดขายต่อแคตเมี่ยม เหตุหมุนเงินไม่ทัน

เสี่ยเจษ เจ แอนด์ บี เข้าให้ปากคำตำรวจ ปทส. เผย ยอมรับว่าซื้อกากแคดเมียม เตรียมส่งไป ประเทศลาว ยัน กากแคดเมียมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ปัด นักการเมือง หนุนหลัง

วันนี้ (18 มี.ค 67) เวลา 12.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) นายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย กรรมการ บริษัท เจ แอนด์ บี เมททอล จำกัด เปิดใจหลังเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกครั้งที่ 2 กรณี พบ กากแคดเมียม ซุกเพิ่มกว่า 3,378 ตัน ที่บริษัท เจ แอนด์ บีฯ จังหวัดสมุทรสาคร หลังปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่ตรวจสอบ เผยโรงงานแห่งนี้มีกากแคดเมียมซุกซ่อนกว่า 6,378 ตัน

นายเจษฎา เปิดเผยว่า ตนเองมีการทำสัญญาเพื่อซื้อแร่สังกะสี แต่ว่ามีกากแร่แคดเมียมปะปนเข้ามา ส่วนที่ซื้อมานั้น เพราะโรงงานต้นทางที่ทะลุงแร่ในครั้งนั้นมีการฝังกลบและโรยปูนขาวและปูนพอตแลนต์ลงไปทำให้ปริมาณความเข้มข้นของกากแร่แคดเมียมนั้นลดลง จึงสามารถซื้อขายได้ และกากแร่ที่ตนครอบครองมีทั้งหมด 13,800 ตัน และมีกากแร่แคดเมียมผสมอยู่เพียง 38% เท่านั้น จากการที่กรมวิทยาศาสตร์นำแร่ในโรงงานไปเทส อีกทั้ง แคดเมียมไม่ใช่แคดเมียมบริสุทธิ์ เป็นเพียงกากแร่แคดเมียมผสมเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ เพราะเมื่อเทียบกับปริมาณที่จะส่งผลอันตรายต่อมนุษย์นั้นต้องสูงถึง 100 -150 %

และตั้งแต่มีข่าวปรากฎสื่อหลายช่องมีการนำเสนอทำให้เกิดความเข้าใจผิดถึงโทษและพิษภัยของกากแคชเมียมที่รุนแรงเกินความเป็นจริง ซึ่งประเด็นนั้นทำให้ตนเองเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ส่วนที่คนในโรงงานและคนรอบโรงงานออกมาบอกว่าได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ นายเจษฎา บอกว่า เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบโรงงานรอบๆด้วย

และการที่ตนได้กากแร่แคดเมียมดังกล่าวมานั้นมาจากการประมูล ที่มีโรงงานอื่นร่วมประมูลด้วยอีก 4 โรงงาน และตนเองประมูลมาได้จำนวน 8 ล้านบาท เพราะตนเองต้อง แร่สังกะสีที่นำไปขายต่อได้กิโลกรัมบะ 300 กว่าบาท แต่ไม่ได้ต้องการแร่แคดเมียมแต่มันผสมมาด้วยอยู่แล้วจึงต้องนำไปคัดแยก จากสัญญาที่เซ็นต์กับบริษัทเบาด์และบียอนด์ ว่าซื้อมาเพื่อนำไปกำจัด แต่เหตุใดถึงมีการนำไปขายต่อ นายเจษฎา บอกว่า ตนเองเป็นพ่อค้า ส่วนที่นำไปขายนั้น เพราะหมุนเงินไม่ทันจึงต้องนำไปขาย

นอกจากนี้นายเจษฎา ยืนยัน ว่ากระบวนการทุกอย่างตั้งแต่ต้นทางจังหวัดตาก มาจนถึงจังหวัดสมุทรสาคร นั้นถูกต้องทุกอย่าง ทั้งเอกสาร ส่วนเมื่อถามว่าทำไมต้องกระจายไปยังโกดังอื่น เนื่องจากกากแร่ที่ได้มานั้นมาจำนวนมาก พื้นที่ของตนเองไม่เพียงพอ จึงต้องไปเช่าที่โรงงานอื่นเก็บ ส่วนนายจาง ได้ให้นายหน้ามาติดต่อตนเองเพื่อขอซื้อต่อ ซึ่งตอนนั้นตนเองต้องขายไปเพราะต้องการนำเงินมาหมุนต่อ ซึ่งยอมรับว่าผิดสัญญาที่ได้มาว่านำมาเพื่อกำจัด แต่กลับนำไปขาย ส่วนนี้ก็ยอมรับว่า ตนเองผิดจริง

นายเจษฎา ยืนยันอีกว่า ตนเองไม่ได้มีใครมาเป็นที่ปรึกษา หรือมีใครมาถือหุ้นในบริษัท และไม่มีนักการเมืองมาเกี่ยวข้องแน่นอนและเชื่อว่า ตนเองถูกกลั่นแกล้ง จากคนที่ประมูลไม่ได้ น่าจะมากลั่นแกล้ง และยังตอบกลับอีกว่า เอกสารทั้งหมดที่ดำเนินการมานั้นถูกต้องทั้งหมด แต่ทำไมตนเองถึง ถูกบอกว่าเป็นคนผิด และจะเรียกร้องค่าเสียหายและเตรียมที่จะดำเนินคดีกลับด้วยที่ทำให้ตนเองเสียหาย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าจะดำเนินคดีกับใครตนเองรู้สึกถูกหลอกและโดนลอยแพ จากสัญญาที่ทำกับบริษัทต้นทาง ที่ตนเองต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด

สุดท้ายนี้อยากจะฝากถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่า สารแคดเมียม ไม่ได้อันตรายอย่างที่สื่อลงข่าวไป ทุกคนปลอดภัยแน่นอน เพราะสารแคดเมียม ในถ่านไฟฉายก็มี แบตเตอรี่รถยนต์ก็ยังไม่ เพราะฉะนั้นอย่าไปตกใจว่า จะอันตรายต่อชีวิต