เวลา 1300 น. วันที่ 4 พ.ย.67 ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล พากลุ่มพยานฝั่งดิไอคอน กรุ๊ป ชุดแรก จำนวน 20 คน มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ โดยนางสาวมลญ่า ตัวแทนกลุ่มพยาน กล่าวว่า ตนเป็นดีลเลอร์ขายคอลลาเจ้นและสินค้ามาประมาณ 4 ปี จุดเริ่มต้น เกิดจากการได้ลองทานคอลลาเจนก่อน จากนั้นก็เปิดบิลแรก ประมาณ 5 หมื่นบาท และขายสินค้าในเครือดิไอคอนกรุ๊ปมาตลอด จนตอนนี้อยู่ในระดับตัวแทนวิสดอม มีโอกาสได้ไปเที่ยวตามโปรโมชั่นกับทางบริษัทหลายประเทศ อย่างล่าสุด ไปลอนดอน และ ปารีส เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อย่างกรณีของตน ก็มีผู้ที่มาทำธุรกิจร่วมมากกว่า 100 คน แล้ว
ในวันนี้ ตัดสินใจมาเป็นพยานและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่าตลอดเวลาดิไอคอน ก็เจอแต่มุมดี ๆ มีการสอนทำธุรกิจจริง โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มออนไลน์ มีการสอนวิธีการขายต่าง ๆ ทำให้ตน จากคนที่ขายของออนไลน์ไม่เป็น ก็มีความรู้มากขึ้น โดยทางบริษัทเน้น ให้เรารู้จักสินค้าในแต่ละอย่างที่ขาย เพื่อจะได้ไปแนะนำลูกค้าได้อย่างถูกต้อง
เมื่อถามถึงรายได้จากการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของดิไอคอน ไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับความขยันในแต่ละเดือน และเศรษฐกิจในช่วงนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ลักษณะการขายสินค้าของตน ก็จะเป็นการไปเจอกับลูกค้า และแนะนำสินค้าต่าง ๆ ให้ ตนก็จะจัดสินค้าให้ลูกค้าแต่ละราย โดยส่วนตัว จะถนัดขายออฟไลน์มากกว่า เนื่องจากได้เจอลูกค้า และเน้นแนะนำปากต่อปาก และ ในส่วนของบอสดาราทั้ง 3 คน ได้มีการแนะนำหรือไม่นั้น ส่วนใหญ่ เป็นเรื่องการทำคอนเท้น โดยจะให้เลือกเองว่า ถนัดแบบไหนก็จะให้เราเลือกทำแบบนั้น
สำหรับการออกมาเป็นพยานในวันนี้ ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณบริษัทหรือไม่นั้น มองว่า สิ่งใดที่มีพระคุณ ก็ต้องตอบแทนในชาตินี้ อย่างเช่น ดิไอคอน ได้ให้ความรู้ ให้อาชีพ วันนี้เขาได้รับความเดือดร้อน ตนขอตอบแทนพระคุณ เพราะไม่รู้ว่าชาติหน้าจะได้เกิดเป็นคนอีกไหม ตนถือว่าเป็นหนึ่งเมล็ดในดิไอคอน ที่สร้างตนให้เป็นคนที่มีความรู้ขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การมาเป็นพยานในวันนี้หลายคนอาจจะมองว่า เป็นการจัดฉากหรือไม่ นางสาวมลญ่า กล่าวว่า การที่เรานัดกับใครหลายคนเพื่อให้มาพูดในสิ่งเดียวกันมันเป็นเรื่องที่ยาก และมองว่ามันไม่คุ้มกับความเสี่ยงในอนาคต ไม่มีการจัดฉากแน่นอน หากว่าเป็นการจัดฉากจริง คนที่มายืนอยู่ตรงนี้ ก็จะต้องมีการซักซ้อม การตอบคำถามให้เหมือนกัน ซึ่งมันจะทำได้กี่วัน ความจริง ก็คือ ความจริง
ด้านทนายวิฑูรย์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้พาพยานกว่า 20 คน ในฝั่งของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป มาให้การในชั้นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ โดยมาให้การตามข้อเท็จจริง ซึ่งมีพยานที่ยืนยันตัวตนแล้วประมาณพันกว่าคน แต่มีในรายชื่ออยู่ที่ 2,400 คน และมีการติดต่อประสานงานเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยตนเองมั่นใจในข้อเท็จริง และเชื่อว่าพยานจะให้การตามความเป็นจริง จึงไม่ได้หนักใจอะไร
อีกทั้ง หลังจากนี้ ตนเองจะไปปรึกษากับดีเอสไอว่า สามารถขยายกำลังการสอบสวนได้มากเพียงใด รวมถึงจะสามารถส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำพยานในพื้นที่ต่างจังหวัด และต่างประเทศได้หรือไม่ หากทำได้ ตนก็มีแผนเดินสายพบปะพยานทั้งประเทศ เพื่อให้เข้าปากคำกับดีเอสไอในฐานะพยาน
ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้มายื่นหนังสือให้ DSI ดำเนินการตรวจสอบพร้อมกับแจ้งข้อหากับนาย วรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล ถึงแม้ว่าตนจะเคยไปยื่นเรื่องให้สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ดำเนินการตรวจสอบแล้ว แต่คนอยากให้มีการแจ้งข้อหาให้เร็วกว่านี้