วันที่ 21 มีนาคม 2568 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการส่งเสริมการค้า ภายใต้รางวัล
ผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2568 (Prime Minister’s Export Award 2025) ของรัฐบาล สำหรับผู้ประกอบธุรกิจส่งออกไทย ที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 33 ภายใต้แนวคิด “BRIDGE TO BRILLIANCE : Empowering Success Towards International Growth and Sustainability เสริมพลังความสำเร็จ สู่การเติบโตระดับนานาชาติอย่างยั่งยืน”
ซึ่งในปีนี้ได้มีการพัฒนาหลักเกณฑ์และปรับสาขารางวัลเพื่อยกระดับรางวัลให้สอดรับต่อแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของโลก
โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจ ด้วยนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน และความคิดสร้างสรรค์ การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติต่างๆ อาทิ (1) การปรับชื่อสาขารางวัล จากสาขาโรงพยาบาล/ศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง /คลินิกเฉพาะทาง (Health & Wellness) เป็น สาขาโรงพยาบาล/คลินิก (Health Services) เพื่อสะท้อนเป้าหมายของรางวัลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น (2) การเปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์เข้าร่วมรับรางวัลโลจิสติกส์การค้า (Trade Logistics) ในปีนี้ เพื่อสะท้อนศักยภาพและความก้าวหน้าด้านธุรกิจบริการขนส่ง พร้อมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การตัดสินให้สอดดคล้องกับนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล พร้อมปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ใด้รับรางวัลวิสัยทัศน์และเป้าหมายของรางวัล
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น (Prime Minister’s Export Award) เป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจสูงสุดที่รัฐบาลมอบให้แก่ผู้ประกอบการไทยมีเป้าหมายสำคัญคือการสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการขยายตลาดต่างประเทศ มีการพัฒนาแบรนด์ของตนเอง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการของไทย การมอบรางวัลนี้สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริม Soft Power ของประเทศที่ มุ่งสร้างการยอมรับในระดับสากล ซึ่งรางวัลในปีนี้ประกอบไปด้วย 7 ประเภทรางวัล (10 สาขารางวัล) รวมทั้งสิ้น 53 รางวัล ได้แก่
1. รางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกยอดเยี่ยม (Best Exporter)
2. รางวัลแบรนด์ไทยยอดเยี่ยม (Best Thai Brand)
3. รางวัลผู้ส่งออกยอดเยี่ยมด้านความยั่งยืน
(Best Green & Sustainable Exporter)
4. รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม (Best Design)
5. รางวัลธุรกิจบริการยอดเยี่ยม (Best Service Enterprise)
แบ่งเป็น 4 สาขารางวัล ประกอบด้วย
– สาขาโรงพยาบาล/คลินิก (Health Services)
– สาขาดิจิทัลคอนเทนต์และซอฟต์แวร์ (Digital Content & Software)
– สาขาธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (Printing & Packaging)
– สาขาโลจิสติกส์การค้า (Trade Logistics)
6. รางวัลสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ยอดเยี่ยม (Best OTOP)
7. รางวัลสินค้าฮาลาลยอดเยี่ยม (Best Halal)
นางสุนันทา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ปีนี้กรมมีแนวทางการพัฒนาที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งในด้านการขยายประเภทรางวัลให้ครอบคลุมภาคธุรกิจที่
หลากหลาย และการปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกเพื่อให้มีความกระชับและมีประสิทธิภาพและเพื่อให้รางวัลดังกล่าวเป็นเครื่องมือใน
การกระตุ้นและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันตลาดสากลต่อไป
ด้าน ม.ล. ภาสกร อาภากร ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กล่าวว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ได้รับรางวัลหลายประการ อาทิ โอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าทั้งในและต่างประเทศ การได้รับการพิจารณาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ การประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ของกรม และการใช้ตราสัญลักษณ์ PM Export Award เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์สินค้าซึ่งกรมมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการและสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีการต่อยอดสู่กิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ได้รับรางวัลสามารถขยายโอกาสทางธุรกิจในตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบการพิจารณาคัดเลือกให้มีความโปร่งใส ยุติธรรรม และสะท้อนคุณภาพที่แท้จริงของผู้ประกอบการ โดยคำนึงถึงความสะดวกของผู้สมัครและประสิทธิภาพของกระบวนการพิจารณาเรามีการบูรณาการการทำงานระหว่างคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลจะได้รับการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจอย่างยั่งยืน
สำหรับผู้สนใจกรมได้เปิดรับสมัครผ่านเว็บไซต์ pmaward.ditp.go.th ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 เมษายน 2568 หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169