วันนี้(25 ม.ค.)เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมต้อนรับ ดร. ฟรังค์-วัลเทอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit)
การเดินทางเยือนไทยของประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะได้ผลักดันความสัมพันธ์รอบด้านสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ด้านการค้า การลงทุนระหว่างกัน และความร่วมมือในประเด็นที่เป็นความท้าทายร่วมกัน อาทิ ด้านภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด รวมทั้ง จะเป็นโอกาสส่งเสริมประเด็นที่เป็นประโยชน์กับประชาชนไทย ได้แก่ ความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา และการพัฒนาทักษะแรงงานสำหรับการลงทุนของเยอรมนีในไทย ตลอดจน ยกระดับหนังสือเดินทางไทยยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อเดินทางเข้าเขตเชงเกน
ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นพิธีต้อนรับและตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ นายกรัฐมนตรีจะเชิญประธานาธิบดีเยอรมนี และภริยา เข้าสู่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายภาพร่วมกัน ณ บันไดโถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเชิญประธานาธิบดีเยอรมนี และภริยา ไปยังห้องสีม่วง เพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี
![](https://www.19linknews.com/wp-content/uploads/2024/01/1165903-300x200.jpg)
จากนั้น เวลา 10.15 น. นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีเยอรมนี พร้อมบุคลลสำคัญฝ่ายไทย ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี รวมทั้งบุคลลสำคัญฝ่ายเยอรมนี ได้แก่ นาย Hubertus Heil รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและกิจการสังคม และนาย Michael Kellner รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและการปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศ หารือข้อราชการ ณ ห้องสีงาช้าง ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะหารือร่วมกับภาคเอกชน ในเวลา 10.45 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ และแนวทางส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน
นายเศรษฐา กล่าวว่า ดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ ประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และภริยา ถือว่าเป็นการเยือนไทยในรอบ 22 ปี โดยประธานาธิบดีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐ ระบุว่า เห็นไทยมีพัฒนาการที่ดีในหลายด้าน จึงถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่จะต่อยอดความร่วมมือในหลายมิติที่จะเป็นประโยชน์ของทั้งสองประเทศ