นายกฯ แถลงนโยบายรัฐบาล เดินหน้าแก้ปัญหาประเทศ

นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายรัฐฐาล ยกเจตนารมณ์รัฐบาล มุ่งมั่นสร้างความสามัคคีและปรองดอง สร้างโอกาสให้กับคนไทยผ่าน 10 นโยบายเร่งด่วน 10 และนโยบายระยะกลาง-ระยะยาว จะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็ว ยึดมั่นหลักนิติธรรมความโปร่งใส

วันนี้ (12 ก.ย.2567) การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เวลา 09.11 น. ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาเป็นประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาในวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162

 

โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำหนดนโยบายบริหารราชการแผ่นดินที่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยฯ มีความสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติแล้ว จึงนำมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภาให้ทราบถึงเจตนารมย์ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมและการเมืองการปกครองให้ก้าวหน้าเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยหยิบยกประเด็นความท้าทายในการบริหารประเทศ

1. รายได้ไม่พอรายจ่ายปัญหาหนี้สินครัวเรือน

2. การเข้าสู่สังคมสูงวัย

3. ความปลอดภัยของสังคมที่ถูกคุกคามจากยาเสพติดและอาชญากรรมออนไลน์

4.SMEs ไทย ประสบปัญหาสภาพคล่อง

5. ผู้ประกอบการไทยเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงรอบด้าน

6. การเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศโลก

7. ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองอย่างยาวนาน

8. ระบบราชการรวมศูนย์และสนองความต้องการของประชาชนอย่างไม่เต็มที่

โดยรัฐบาลตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องปัญหาหนี้สินรายได้ค่าของชีพรวมถึงความมั่นคงและความปลอดภัยในสังคมเป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจด้วยการแก้หนี้ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อนำความหวังของคนไทยกลับมาโดยเร็วจึงมีนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที 10 นโยบาย

1. ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ

2. ดูแลส่งเสริมปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบการไทย และ SMEs

3. ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค

4. นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี

5. กระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางเป็นอันดับแรกผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

6. ยกระดับเกษตรดั้งเดิมเป็นเกษตรที่ทันสมัย

7. ส่งเสริมการท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้าง

8. แก้ปัญหายาเสพติดเด็ดขาดครบวงจร

9. แก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ ข้ามชาติ

10. จัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับนโยบายระยะกลางและระยะยาวคือการพัฒนาภาคการผลิตและบริการ ด้วยการส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงโดยการใช้เทคโนโลยีเพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางโดยเร็วและพัฒนาบทบาทให้เป็นผู้เล่นสำคัญทางเศรษฐกิจในเวทีโลก

โดยรัฐบาลจะเร่งส่งเสริมผลักดันให้เกิดการพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัย เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างมีคุณภาพของเด็กทุกคนอย่างเท่าเทียม ยกระดับทักษะปลดล็อคศักยภาพของคนไทยเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ สนับสนุนการสร้าง Soft Power ของประเทศผ่านการส่งเสริม 1 ครอบครัว1ซิฟพาวเวอร์ เพิ่มทักษะใหม่เสริมทักษะเดิม Reskill Updkill ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ต่อยอดยกระดับระบบสาธารณสุขไทยจาก 30 บาทรักษาทุกโรคเป็น “30 บาทรักษาทุกที่” ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศ ในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่2ของประเทศไทยจะส่งเสริมความเท่าเทียมของชายและหญิง

และจากที่ประเทศไทยเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความขัดแย้งแบ่งขั้วอุดมการที่รุนแรงมาอย่างยาวนาน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รัฐบาลนี้จำเป็นจะต้องพลิกฟื้นความเชื่อมั่นของคนไทยและต่างชาติถึงด้วยการพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็งมีเสถียรภาพ มีนิติธรรมและความโปร่งใส โดยรัฐบาลจะเร่งจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาชนประชาธิปไตยมากขึ้นโดยเร็วที่สุด -จะยึดมั่นในหลักนิติธรรมและความโปร่งใส -ปฏิรูประบบราชการและกองทัพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ-ยกระดับการบริการภาครัฐให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน

และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจ รัฐบาลจะรักษาจุดยืนของการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยจะสานต่อนโยบายทางการทูต เศรษฐกิจเชิงรุกและการสร้าง Soft Power เรายังกล่าวถึงความมุ่งมั่นที่จะพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

“ ในนามนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน ในนามรัฐบาล ขอให้ความมั่นใจกับรัฐสภาแห่งนี้ว่า จะมุ่งมั่นตั้งใจบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งประสานพลังจากทุกภาคส่วนจาก ทุกช่วงวัยทุกความเชี่ยวชาญขับเคลื่อนนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงซึ่งตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบันให้สำเร็จ พัฒนาเศรษฐกิจสังคมการเมืองของประเทศให้เจริญก้าวหน้า เพื่อสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมทำให้คนไทยมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับสู่คนไทยและประเทศไทย เพื่อสร้างความหวังและอนาคตที่ดีกว่าให้กับประเทศไทยจากวันนี้ไปถึงอนาคต” น.ส.แพทองธารกล่าว