“ก้าวไกล”ยื่นร่างกม.เปลี่ยนประเทศ 2 ชุด รวม 7 ฉบับ เน้นปฏิรูปกองทัพ-ปิดช่องทุนผูกขาด

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอร่างกฎหมายเปลี่ยนประเทศ จำนวน 2 ชุด รวม 7 ฉบับ ได้แก่ ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ 5 ฉบับ และชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด 2 ฉบับ โดยมีตัวแทนประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้รับเอกสาร

พรรคก้าวไกลระบุผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า สาเหตุของการมีอยู่ของพรรคก้าวไกลคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีการเมืองที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม มีระบบการบริหารราชการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ และมีสังคมที่เท่าเทียมและโอบรับความหลากหลาย เริ่มต้นจากการผลักดันนโยบายที่พรรคก้าวไกลได้ให้สัญญากับประชาชนในการเลือกตั้ง ผ่านสองกลไกสำคัญคือ กลไกฝ่ายบริหารและกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ

แม้การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายผ่านกลไกฝ่ายบริหารยังไม่แล้วเสร็จ แต่พรรคก้าวไกลเราพร้อมเดินหน้าในการใช้กลไกนิติบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนนโยบายทันที ผ่านการเสนอชุดกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและของประเทศ ปัจจุบันพรรคก้าวไกลได้เตรียมชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศไว้ทั้งหมด 14 ชุด โดยวันนี้เป็นการยื่นร่างกฎหมาย 2 ชุดแรก รวมกันทั้งหมด 7 ฉบับ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา

A. ชุดกฎหมายปฏิรูปกองทัพ (Demilitarize) เสนอร่างกฎหมาย 5 ฉบับ ประกอบด้วย

1) ร่าง พ.ร.บ. รับราชการทหาร : เพื่อยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหารในยามปกติ เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ 100% รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของพลทหาร (เช่น ห้ามนำทหารไปทำงานรับใช้ส่วนตัว ห้ามกระทำการใดที่ละเมิดต่อร่างกายหรือจิตใจ) และออกแบบขั้นตอนธุรการต่างๆ (เช่น การรับสมัครทหารกองประจำการ) ให้ทันสมัยมากขึ้น

2) ร่าง พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม : เพื่อตัดอำนาจของสภากลาโหม ให้พลเรือนอยู่เหนือกองทัพ เช่น กำหนดให้สภากลาโหมมีอำนาจหน้าที่เพียงให้คำปรึกษาหรือเสนอความเห็นแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปรับที่มาของสภากลาโหมโดยลดสัดส่วนข้าราชการทหารลง ยกเลิกบอร์ดแต่งตั้งนายพลโดยให้การแต่งตั้งนายพลเป็นไปตามกลไกที่ รมว.กลาโหม (ซึ่งมาจากรัฐบาลพลเรือน) กำหนดและคำนึงถึงระบบคุณธรรม หรือการเลื่อนขั้นตามความสามารถและผลงาน (merit system)

3) ร่าง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ : เพื่อเพิ่มความโปร่งใสเรื่องภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐ (เช่น กำหนดให้มีการเปิดเผยรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวงการคลัง) และเพิ่มความโปร่งใสเรื่องเงินนอกงบประมาณทั้งหมดของรัฐ (เช่น ทำให้ธุรกิจของกองทัพต้องมีความโปร่งใส)

4) ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิก พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 : เพื่อยุบ กอ.รมน. อันเป็นการยุติโครงสร้าง ‘รัฐซ้อนรัฐ’ ที่ยัดเยียดนิยามความมั่นคงแบบทหารมาใช้ในภารกิจความมั่นคงภายใน ทำภารกิจที่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานความมั่นคงอื่น รวมถึงขยายมาสู่ภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง (เช่น การศึกษา พลังงาน สิ่งแวดล้อม)

5) ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกประกาศ คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. : เพื่อยกเลิกประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่มีเนื้อหาละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขัดต่อหลักนิติธรรม และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งปัจจุบันยังคงเหลือ 17 ฉบับ

B. ชุดกฎหมายปิดช่องทุนผูกขาด (Demonopolize) เสนอร่างกฎหมาย 2 ฉบับ ประกอบด้วย

1) ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต หรือ “สุราก้าวหน้า” : เพื่อปลดล็อกการผลิตสุราของผู้ผลิตรายย่อยและสุราชุมชน โดยแก้ไข ม.153 เพื่อห้ามไม่ให้การขอใบอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้า มีการกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับขนาดกำลังการผลิต กำลังแรงม้าเครื่องจักร จำนวนพนักงาน ประเภทบุคคลผู้มีสิทธิขออนุญาต จำนวนทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ หรือเกณฑ์อื่นที่อาจเปิดช่องให้มีการกีดกันการแข่งขันและผู้ผลิตสุรารายย่อย

2) ร่าง พ.ร.บ. การแข่งขันทางการค้า : เพื่อสร้างกติกาแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม ผ่านการปฏิรูปคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (เช่น ขยายขอบเขตอำนาจ ปรับกระบวนการสรรหาให้ได้กรรมการที่มีความเชี่ยวชาญและยึดโยงกับประชาชน เพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินการของกรรมการ) ออกกฎ ‘คนฮั้ววงแตก’ เพื่อป้องกันการฮั้วประมูลของบางบริษัทที่ร่วมมือกันผูกขาดหรือลดการแข่งขัน และขยายสิทธิผู้เสียหายในการฟ้องคดี

ส่วนชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศอีก 12 ชุด ที่พรรคก้าวไกลจะยื่นต่อสภาฯ หลังจากนี้ ประกอบด้วย ชุดกฎหมายปลดล็อกท้องถิ่น, ชุดกฎหมายปฏิรูประบบราชการ, ชุดกฎหมายป้องกันการทุจริต, ชุดกฎหมายยกระดับบริการสาธารณะ, ชุดกฎหมายปฏิรูปที่ดิน, ชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิแรงงาน, ชุดกฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อม, ชุดกฎหมายปฏิรูประบบภาษี, ชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ, ชุดกฎหมายโอบรับความหลากหลาย, ชุดกฎหมายยุติความขัดแย้ง และชุดกฎหมายแก้รัฐธรรมนูญ

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า เราเดินบนเส้นทางการเมืองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง กฎหมายทั้ง 14 ชุด จะสามารถแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้จริง และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยมี “การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต”