กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สรุปผลงานปี 2565 เดินหน้างานสอบบัญชีและงานสอนบัญชีแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร เพื่อสร้างระบบการเงิน การบัญชีเข้มแข็ง โปร่งใส พร้อมปลูกฝังวินัยทางการเงินที่ดีให้เยาวชนและประชาชนทั่วประเทศ
นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวสรุปผลการดำเนินงานและการปฏิบัติงานในรอบปี 2565 ว่า ตลอดระยะเวลา 70 ปี ของการสถาปนากรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานเพื่อบรรลุภารกิจหลักของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ใน 2 ด้าน คือการสอบบัญชี และการสอนบัญชีแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง โปร่งใส ยกระดับศักยภาพสถาบันเกษตรกรและพัฒนาสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
![](https://static.wixstatic.com/media/7dbbc4_a844148fcca54e7eb6f52394fc3e909a~mv2.jpg/v1/fill/w_450,h_676,al_c,q_80,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/7dbbc4_a844148fcca54e7eb6f52394fc3e909a~mv2.jpg)
ด้านการสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ขับเคลื่อนผ่านผู้สอบบัญชีจำนวน 780 คน แบ่งเป็นผู้สอบบัญชีของกรมฯ 500 คน และผู้สอบบัญชีภาคเอกชนและบุคคลอื่น 280 คน ทำหน้าที่สอบบัญชีทุกปี เพื่อให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 11,800 แห่ง มีสมาชิกกว่า 12 ล้านคน รวมมูลค่าทางธุรกิจกว่า 3.58 ล้านล้านบาท ให้ได้รับการตรวจสอบบัญชีอย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส สามารถใช้ประโยชน์จากผลการตรวจสอบบัญชี และนำข้อสังเกตจากผู้สอบบัญชีไปปรับปรุงการบริหารจัดการและอำนวยประโยชน์แก่มวลสมาชิกโดยรวม เป็นการป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยมีการอบรมและพัฒนาองค์ความรู้ให้ผู้สอบบัญชีเกิดทักษะ และมีความชำนาญด้านบัญชีและเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกันยังดำเนินมาตรการเชิงรุกในการจัดทีมตรวจสอบพิเศษ เข้าประเมินระบบการควบคุมภายในของสหกรณ์ขนาดใหญ่ที่มีทุนดำเนินงานสูงทุกสหกรณ์ทั่วประเทศ จำนวน 1,783 สหกรณ์ ทั้งด้านการเงินการบัญชี และระบบการควบคุมภายใน ซึ่งต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบและจริงจัง พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำแก่สหกรณ์เกี่ยวกับจุดอ่อนจากระบบการควบคุมภายในที่ตรวจพบ โดยในปีงบประมาณ 2565 กรมฯ ได้ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรไปแล้วกว่า 11,723 แห่ง มีการตรวจพบข้อสังเกตและแจ้งให้สหกรณ์แก้ไขปรับปรุง จำนวน 2,176 แห่ง
![](https://static.wixstatic.com/media/7dbbc4_d9fa4490806847478ad329062fd90d3d~mv2.jpeg/v1/fill/w_925,h_616,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/7dbbc4_d9fa4490806847478ad329062fd90d3d~mv2.jpeg)
นอกจากนี้ กรมฯ ยังพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและนำนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น แอปพลิเคชัน Smart4M เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้คณะกรรมการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการ ผู้ตรวจสอบกิจการ สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเงินการบัญชีของสหกรณ์และของตนเอง พร้อมนำข้อมูลไปวางแผนบริหารจัดการและสร้างระบบควบคุมภายในที่ดีให้เกิดขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะเกิดการทุจริต รวมไปถึงการเสริมสร้างสมรรถนะให้แก่ผู้สอบบัญชีให้มีความรู้ด้าน IT เพิ่มขึ้นอีกด้วย
![](https://static.wixstatic.com/media/7dbbc4_e05b24a275bb40b1a70fc0225fabc019~mv2.jpg/v1/fill/w_925,h_654,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/7dbbc4_e05b24a275bb40b1a70fc0225fabc019~mv2.jpg)
![](https://static.wixstatic.com/media/7dbbc4_5edcb59208324bad8234874581584266~mv2.jpg/v1/fill/w_925,h_654,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/7dbbc4_5edcb59208324bad8234874581584266~mv2.jpg)
ด้านการสอนบัญชีแก่เกษตรกรและกลุ่มเป้าหมาย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพี่น้องเกษตรกร ซึ่งกรมฯ ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมการจัดทำบัญชีรับ – จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพเพื่อให้สามารถนำข้อมูลทางบัญชีไปบริหารจัดการภาคการเกษตรได้ กลุ่มประชาชนทั่วไป ส่งเสริมการทำบัญชี รู้รายรับ รายจ่าย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างวินัยการเงิน การคลังของประเทศ และกลุ่มสุดท้ายคือ เยาวชน นักเรียน มีเป้าหมายมุ่งไปที่กลุ่มเด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งมีกว่า 7 หมื่นคน ทั้งในสังกัด ตชด. และอื่น ๆ ให้ได้รับการส่งเสริมองค์ความรู้การจัดทำบัญชีและกระบวนการสหกรณ์ในโรงเรียนได้แก่โครงการตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร มีโรงเรียนในสังกัดต่าง ๆ เช่น กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) /สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) /กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ อปท. จำนวน524 แห่งเข้าร่วมรวมจำนวนนักเรียนและครู ได้รับการอบรม จำนวน 2,037 ราย สานต่อด้วยโครงการต้นกล้าความดี สู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียง ขยายผลการถ่ายทอดความรู้และส่งเสริมการจัดทำบัญชีให้แก่เด็กและเยาวชนถ่ายทอดไปสู่ผู้ปกครองและชุมชน โดยมีโรงเรียนเป้าหมายดำเนินการ 405 แห่ง ประกอบด้วยโรงเรียนในสังกัด สพฐ. จำนวน 191 แห่ง และโรงเรียนสังกัด ตชด.อีก 214 แห่ง ดำเนินการไปแล้ว 357 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 88.15 (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565)
![](https://static.wixstatic.com/media/7dbbc4_1b89e9ab91994f68bf5f464b581a8522~mv2.jpg/v1/fill/w_925,h_694,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/7dbbc4_1b89e9ab91994f68bf5f464b581a8522~mv2.jpg)
นอกจากนี้ ยังได้บูรณาการความร่วมมือ (MOU) กับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขยายผลการสอนบัญชีเพิ่มขึ้น ผ่าน”โครงการถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีต้นกล้าเศรษฐกิจพอเพียง บัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน และสหกรณ์นักเรียน ให้แก่เด็กและเยาวชน” ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 – 2569 มีโรงเรียน 26,754 แห่ง เข้าร่วม รวมจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการ 988,256 คน ในปี 2565 ดำเนินการไปแล้ว 5% รวมจำนวนโรงเรียนทั้งหมด 1,153 แห่ง โดยให้ความรู้แก่ครูผู้สอนและนักเรียน รวมจำนวน 2,306 คน มีเป้าหมายนำไปขยายผลต่อให้นักเรียนจำนวนรวม 70,333 คน ซึ่งได้ดำเนินการแล้วใน 334 แห่ง จำนวนนักเรียน 20,294 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565) และตั้งเป้าหมายในปีต่อไป ปีละ 24% จนครบเป้าหมายทั้งโครงการและการบูรณาการความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ในโครงการ “ชุมชนคนทำบัญชีเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” ดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม 2565 กลุ่มเป้าหมายคือประชาชนในชุมชนพื้นที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกอำเภอทั่วประเทศ 76 จังหวัด ขับเคลื่อนผ่านครูบัญชีอาสาของกรมฯ ถ่ายทอดความรู้การจัดทำบัญชีให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นชุมชนระดับย่อยครอบคลุมทั่วประเทศ กำหนดผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 10-30 คน ต่อรุ่น/ชุมชน เป้าหมายทั้งสิ้น 70,000 คน นอกจากนี้กรมฯ ยังได้ปูพื้นฐานการสร้างวินัยทางการเงินแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป โดยจัดทำวีดิทัศน์การสอนบัญชีให้รูปแบบ 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทยกลาง ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอีสาน ภาษาถิ่นใต้ และภาษายาวี ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เป็นเครื่องมือนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างมีวินัยทางการเงินและตระหนักถึงคุณค่าการออมอีกทางหนึ่ง
![](https://static.wixstatic.com/media/7dbbc4_cc64179f551f44f2821d7939dcdeb061~mv2.jpg/v1/fill/w_925,h_694,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/7dbbc4_cc64179f551f44f2821d7939dcdeb061~mv2.jpg)
อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความโปร่งใสในระบบสหกรณ์ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย จึงได้เน้นย้ำถึงการสร้างการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนสหกรณ์ทุกภาคส่วน ตั้งแต่คณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการ ผู้ตรวจสอบกิจการ และสมาชิกสหกรณ์ ซึ่งจะต้องร่วมกันดูแลรักษาผลประโยชน์ของตนเองและสหกรณ์ ต้องรู้หน้าที่ ปฏิบัติงานตามระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อความโปร่งใส รวมไปถึงได้เน้นย้ำให้สมาชิกมีความรู้ความเข้าใจในหลักการและวิธีการสหกรณ์ มีความตระหนักและมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการดำเนินธุรกรรมทางการเงินของสหกรณ์ เพื่อดูแลรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง และรับรู้ข้อมูลทางบัญชีสหกรณ์ทั้งภาพรวมและของตนเอง เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบสหกรณ์ และสามารถป้องกันปัญหาการทุจริตไม่ให้เกิดขึ้นได้
![](https://static.wixstatic.com/media/7dbbc4_1b89e9ab91994f68bf5f464b581a8522~mv2.jpg/v1/fill/w_925,h_694,al_c,q_85,usm_0.66_1.00_0.01,enc_auto/7dbbc4_1b89e9ab91994f68bf5f464b581a8522~mv2.jpg)
ทั้งนี้ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ยังเดินหน้าสานต่อภารกิจสร้างความเข้มแข็งด้านการเงิน การบัญชีแก่สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง โปร่งใส เพื่อให้สหกรณ์ เป็นองค์กรที่มุ่งประโยชน์และเป็นที่พึ่งแก่สมาชิกอย่างแท้จริง รวมถึงสอนแนะการทำบัญชีแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป ให้เกิดต้นทุนการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักใช้บัญชีเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างวินัยทางการเงิน สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในโรงเรียน ครอบครัว และชุมชนได้อย่างยั่งยืน