กรณี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศเปิดท่องเที่ยวในพื้นที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย โดยช่วงแรกจะเปิดให้เข้าชมในโถง 1-3 ในช่วงฤดูหนาวถึงร้อนและจะปิดบริการช่วงฤดูฝน โดยจะเก็บค่าบริการนักท่องเที่ยวชาวไทย รายละ 950 บาท และนักท่องเที่ยวต่างชาติ รายละ 1,500 บาท และต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์อุทยานถ้ำหลวง ซึ่งการเข้าชมจะแบ่งเป็นกลุ่มละ 10 คน วันละ 2 รอบ เนื่องจากระยะทางเดิน 800 เมตรถึงโถง 3 และกลับออกมาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง โดยการเก็บค่าเข้าชมดังกล่าวถูกชาวเน็ตวิจารณ์ว่าแพงเกินจริงนั้น
ล่าสุด นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เปิดเผยว่า การเก็บค่าบริการดังกล่าวมีการปรึกษากันหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายจอร์ช แบรชลีย์ นักประดาน้ำชาวอังกฤษผู้ที่เคยมีส่วนร่วมในภารกิจช่วยทีมนักฟุตบอลหมูป่าจากถ้ำหลวง ที่ให้คำแนะนำว่า พื้นที่ถ้ำหลวง เป็นพื้นที่ที่มีคุณค่า เป็นพื้นที่พิเศษ เสี่ยงอันตรายสำหรับการเข้าไป ต้องมีอุปกรณ์พิเศษ และอาศัยทีมที่เชี่ยวชาญสำหรับการนำทาง โดยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องการจะเดินทางมา ซึ่งราคา 1,500 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 950 บาท สำหรับคนไทยนั้น ถือว่าไม่สูง
สำหรับ ราคา 950 บาท ที่เก็บจากคนไทยนั้น ไม่ได้นำเข้าเป็นรายได้ของอุทยานทั้งหมด แต่แบ่งเป็น 1.ให้บุคลากรนำเที่ยว 500 บาท ซึ่งแบ่งเป็น ผู้เชี่ยวชาญและผู้ช่วย 350 บาท เจ้าหน้าที่กู้ภัย 2 คน คนละ 100 บาท และผู้นำเที่ยวท้องถิ่น 50 บาท 2.นำเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่า และเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตของกรมอุทยานฯ 150 บาท และ 3.นำเข้ากองทุนสวัสดิการถ้ำหลวง 300 บาท ซึ่งจะนำไปใช้ เป็นสวัสดิการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ในถ้ำและบริเวณด้านนอกที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ค่าประกันชีวิตเจ้าหน้าที่และบุคลากรนำเที่ยว
อธิบดีกรมอุทยานฯกล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่บริเวณโถงที่ 1 ซึ่งมีระยะทาง 200 เมตร ของถ้ำหลวงนั้น ประชาชนยังสามารถเข้าเที่ยวชมได้ฟรี ส่วนโถงที่ 2 และ 3 เป็นพื้นที่พิเศษ ต้องมีคนนำทาง ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปคนเดียวได้