กรมการค้าภายใน เร่งช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู-ไข่ ระบายสินค้า หลังผลผลิตลดจากอากาศร้อนจัด

เวลา 11.30 น. วันนี้(26 เม.ย.67) ที่กระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน พร้อมตัวแทนจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และสมาคมผู้เลี้ยงไข่ไก่แห่งประเทศไทย แถลงถึงสถานการณ์ราคาสินค้าว่า ราคาข้าวมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น ทั้งข้าวเจ้า และข้าวเหนียว ส่วนราคาพืชผัก เช่น ผักชี ปรับลดลง จากกิโลกรัมละ 180 บาท เหลือ 160 บาท คะน้าต้นจากกิโลกรัมละ 36 บาท เหลือ 30 บาท ผักกาดหอม จากกิโลกรัมละ 60 เหลือ 55 บาท

ส่วนราคาไข่ไก่ และราคาสุกร หรือ หมู นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน หารือกับเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่และผู้เลี้ยงสุกร เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านราคา ต้นทุนการผลิต และการช่วยเหลือ เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงประสบปัญหาต้นทุนเพิ่มขึ้น และปริมาณสินค้าลดลง เช่น หมูโต้ช้า เนื่องจากอากาศร้อนจัด และไข่ไก่เบอร์ใหญ่เช่น เบอร์ 0-2 ลดลง แต่เบอร์เล็กเช่น เบอร์ 3-5 มีปริมาณเพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบ เพราะไข่ไก่เบอร์เล็ก ไม่ได้รับความนิยม ทำให้ต้องขายราคาถูก

ส่วนการประกาศปรับขึ้นราคาไข่คละหน้าฟาร์ม อยู่ที่ฟองละ 3.60 บาท ยังต่ำกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ที่เคยขึ้นไปถึงฟองละ 4 บาท โดยเป็นการปรับขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งต้องเห็นใจเกษตรกร ที่ต้องรับภาระต้นทุนสูง ทั้งอาหารสัตว์ และค่าไฟฟ้า ที่ต้องใช้มากในช่วงนี้ และยังเจอปัญหาผลผลิตไข่เบอร์ใหญ่ลดลงอีก ทำให้รายได้ลดลง และไข่เบอร์เล็ก ก็ขายได้ยาก เนื่องจากตลาดไม่ต้องการ โดยกรมได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ โดยจะนำผลผลิตไข่ไก่เบอร์ 3-5 ออกจำหน่ายตามราคาทุน ประมาณแผงละ 95 บาท) โดยจะนำไปจำหน่ายผ่านโมบายธงฟ้าในกรุงเทพฯ และร้านธงฟ้าในต่างจังหวัด รวมทั้งจะหารือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อช่วยรับซื้อไข่ไก่ด้วย เพื่อช่วยระบายผลผลิตให้กับเกษตรกร และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนไปพร้อม ๆ กัน

อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า สำหรับราคาเนื้อหมู เริ่มปรับตัวดีขึ้น ล่าสุดราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม อยู่ที่กิโลกรัมละ 69.70 บาท ซึ่งดีกว่าช่วงก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังไม่ถึงต้นทุนที่เกษตรกรต้องการ ส่วนราคาหมูเนื้อแดงเฉลี่ยทั่วประเทศอยู่ที่ 131 บาทต่อกิโลกรัม ก็ถือว่าดีขึ้น แต่ยังต้องช่วยเร่งระบายผลผลิต ที่ปัจจุบันปริมาณยังมีมากเกินความต้องการอยู่ โดยยังเกินอยู่ประมาณ 8,000-10,000 ตัวต่อวัน จากการบริโภค 5.0-5.5 หมื่นตัวต่อวัน โดยขอให้ประชาชนช่วยกันบริโภคหมูต่อไป เพื่อช่วยระบายผลผลิตส่วนเกิน ส่วนกรมการค้าภายใน ได้มีการนำหมูเนื้อแดง ไปช่วยระบายผ่านโมบายธงฟ้า และงานธงฟ้า โดยได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว

นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า ส่วนการช่วยเหลือด้านต้นทุน และการเพิ่มสภาพคล่อง อยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดร่วมกับสมาคมที่เกี่ยวข้อง ทั้งไข่ไก่และสุกร เมื่อได้ข้อสรุป ก็จะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) และคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig Board) พิจารณาต่อไป

ด้านนายมาโนช ชูทับทิม นายกสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง จำเป็นต้องปรับราคา แต่ยังไม่ตาย เนื่องจากอากาศร้อนจัดทั่วทุกภูมิภาค ในโรงเลี้ยงต้องเปิดพัดลมระบายอากาศตลอดเวลา ทำให้ต้องทุนเพิ่มสูงขึ้น ส่วนผลผลิตก็ได้ไข่เบอร์เล็กลง เพราะไก่เครียด ทำให้ไข่ไก่เบอร์ขายลำบาก เมื่อทางอธิบดีกรมการค้าภายใน ช่วยเหลือในการระบายสินค้า ก็จะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงอยู่ได้

ขณะที่นายสัตวแพทย์เกียรติภูมิ พฤกษะวัน เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาหมูเริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังต่ำกว่าต้นทุน ทำให้ทุกวันนี้ เกษตรกร ต้องประสบกับภาวะขาดทุนสะสมอยากให้ภาครัฐเห็นใจและเข้ามาช่วยเหลือด้วย โดยเฉพาะเรื่องสินเชื่อและการกู้ยืมต่าง ๆ